HAPPENING

Beauty of Democracy

สู่ชัยชนะของประชาชน

Copy to clipboard

4 October, 2024

การดีเบตครั้งแรกระหว่างกมลา แฮร์ริสกับโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 10 กันยายน 2024 ที่ผ่านมา เป็นอีเวนต์สุดเฟียร์ซที่ได้รับความสนใจอย่างมาก แฮร์ริสวางตัวเองเป็นผู้สมัครแห่งอนาคต เน้นการเปลี่ยนแปลงและความ Inclusive ขณะที่ทรัมป์มุ่งเน้นการต่อสู้กับอดีต โดยเฉพาะเรื่องที่เขาแพ้เมื่อปี 2020 และการยังยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิม โดยเน้นประเด็นชาตินิยม เราขอนำประเด็นที่น่าสนใจมาสรุปให้ฟัง

ด้านเศรษฐกิจและการเงิน • แฮร์ริสเสนอให้มีการปฏิรูปภาษีเพื่อกระจายรายได้ และเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเพื่อช่วยเหลือชนชั้นแรงงาน ขณะที่ทรัมป์เน้นนโยบายลดภาษี และลดการควบคุมกฎหยุมหยิมของรัฐบาล ซึ่งเขาเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการจ้างงานให้มากขึ้น

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก • นโยบายเศรษฐกิจของแฮร์ริสมุ่งเน้นพลังงานสะอาดและการป้องกันสิ่งแวดล้อม อาจจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียวทั่วโลก ส่วนทรัมป์เน้นการปกป้องการผลิตในประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามการค้า และสร้างความตึงเครียดทางการค้ากับประเทศต่างๆ

ทิศทางของนโยบายต่างประเทศ • แฮร์ริสมีเป้าหมายฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพันธมิตร และใช้สหรัฐฯ เป็นผู้นำในการแก้ไขวิกฤตมนุษยธรรม ส่วนทรัมป์ยังคงเน้นนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ซึ่งอาจสร้างความขัดแย้งทางการทูตกับพันธมิตรดั้งเดิม แต่ก็ได้ใจ Voter ที่เป็นแฟนคลับของเขา ส่วนนโยบายผู้ย้ายถิ่นฐานของแฮร์ริสมีแนวโน้มที่จะเปิดรับผู้ลี้ภัย และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ขณะที่ทรัมป์เน้นความมั่นคงของชาติโดยเข้มงวดเรื่องการควบคุมพรมแดน

ความยุติธรรมและมนุษยธรรม • แฮร์ริสมุ่งเน้นการสนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและเพศ ในขณะที่ทรัมป์ให้ความสำคัญต่อความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอาจสอดคล้องกับขบวนการชาตินิยมในประเทศอื่นๆ ที่มีความคิดแบบเดียวกัน

โดยสรุปแล้ว การดีเบตครั้งนี้แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ที่แตกต่างเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าการเลือกทิศทางที่สหรัฐฯ จะมุ่งไปนั้น มีผลกระทบต่อทั้งพลเมืองอเมริกาและประชากรโลกแน่ๆ และจุดบกพร่องของรัฐบาลไบเดนที่ผ่านมาก็ทำให้โลกประมาททรัมป์ไม่ได้ อย่างไรก็ดี พลวัตของการแกว่งไปมาระหว่างฝั่งอนุรักษ์นิยมกับฝั่งก้าวหน้า ก็เป็นธรรมชาติและความสวยงามของประชาธิปไตย ซึ่งสุดท้ายเสียงส่วนใหญ่จะเป็นผู้ตัดสิน

#APThai #APHome #SpaceThinker #Happening

PRESENTED BY

AP logo