GLOBAL FINANCE

To the Moon and Back

ยิ่งสูงยิ่งหนาว

Copy to clipboard

6 May, 2024

เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างใจตุ้มต่อมกับเหตุการณ์ที่นานๆ จะเกิดที ทั้งการที่ทองคำทำราคาขึ้นไปสูงสุด และราคา Bitcoin ที่เด้งสูงปรี๊ดขึ้นมากมายในรอบหลายปี ซึ่งเป็นทั้งเรื่องที่ระคนไปด้วยความรู้สึกทั้งดีใจตื่นเต้นที่จะได้กำไร และเสียวสันหลังที่จะเจ๊งในเวลาเดียวกัน

ในกรณีของบิตคอยน์ นอกจากจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่เมื่อตลาดหุ้นซบเซา เงินทุนก็ไหลไปหาสินทรัพย์อื่น แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือ ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกๆ 4 ปี (สำหรับรอบนี้คือระหว่างวันที่ 18-21 เม.ย. ที่ผ่านมา) โดยอธิบายง่ายๆ ว่า ผู้สร้างบิตคอยน์ได้ตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ค่าตอบแทนในการตรวจสอบธุรกรรมการซื้อขายจะลดลงกึ่งหนึ่งเสมอในทุกๆ 4 ปี เพื่อให้จำนวนบิตคอยน์ในระบบชะลอตัวลงเรื่อยๆ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าในตัวมันให้มากขึ้น ดังกฎ Demand / Supply พื้นฐาน ที่เมื่อจำนวนสินค้าลดลง แต่ความต้องการเพิ่ม ของสิ่งนั้นก็จะมีราคาสูงขึ้น

ในอดีตที่ผ่านมาผลของปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ทำให้ราคาบิตคอยน์สูงขึ้นมาตลอด นอกจากนั้น ราคาของมันที่แหลมคมขึ้นมาก็ยิ่งดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ รวมทั้งสถาบันการเงินที่แต่ก่อนยังไม่เชื่อถือบิตคอยน์ เปลี่ยนใจหันมาลงทุนในสินทรัพย์นี้มากขึ้น รวมถึงสื่อต่างๆ ที่ได้โอกาสปั่นมูลค่าทางจิตวิทยาของมันอย่างได้ผล

แต่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้กลับมีข้อกังวลอยู่ เพราะว่าสัดส่วนระหว่างราคาที่สูงมากกับการที่ค่าตอบแทนของนักขุดบิตคอยน์ถูกตัดลดลง มันช่างห่างกันมากกว่าเดิม เมื่อนักขุดมีแรงจูงใจในการทำงานน้อยลง จึงอาจกระทบต่อความเร็วของเน็ตเวิร์ก และเช่นเดียวกันเมื่อราคาสูงมาก ก็ย่อมมีนักลงทุนที่หากำไรระยะสั้นแบบยอมเสี่ยงตาย เข้ามาทำให้ตลาดมีความผันผวน และปั่นให้อารมณ์ของนักลงทุนรายย่อยเปราะบางจนเสี่ยงที่จะเกิด Panic ได้

สรุปได้ว่า ถึงแม้ Bitcoin Halving อาจมีทั้งผลเชิงบวกและเชิงลบ อาจจะทำให้บางคนรวยในชั่วข้ามคืน แต่สำคัญมากๆ ที่เราต้องจำไว้ว่าการลงทุนในสกุลเงินคริปโตนั้น มีความเสี่ยงสูงกว่าสินทรัพย์อื่น เราอาจจะเจ๊งในชั่วข้ามคืนได้เช่นกัน จึงมีความจำเป็นที่ต้องศึกษาให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใดๆ

#APThai #APHome #SpaceThinker #GlobalFinance

PRESENTED BY

AP logo